บันทึกการเรียนครั้งที่ 3
วันจันทร์ ที่ 22 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2559 (เวลา 14.30-17.30)
เนื้อหาที่เรียน
สำหรับเนื้อหาที่เรียนบทที่ 3 เรื่องการสื่อสารกับผู้ปกครองเด็กปฐมวัย
การสื่อสาร
(Communication) คือ กระบวน การส่งข่าวสาร ข้อมูล จาก ผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร
มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสารมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
โดยคาดหวังให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งต้องการ
การติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ความรู้
ความคิด ทัศนคติ ทักษะ และประสบการณ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารให้มีความเข้าใจ
ที่ตรงกันเพื่อนำไปสู่การดำรงชีวิตที่มีความสุข
ความสำคัญของการสื่อสาร
1.ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
2.ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย
3.ทำให้สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น
4.ทำให้เกิดภาพแห่งความพึงพอใจ
5.ช่วยในการพัฒนาอัตมโนทัศน์
เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองก่อให้เกิดความพอใจในชีวิต
องค์ประกอบของการสื่อสาร
1. ผู้ส่งข่าวสาร (Sender)
2. ข้อมูลข่าวสาร (Message)
3. สื่อในช่องทางการสื่อสาร (Media)
4. ผู้รับข่าวสาร (Receivers)
5. ความเข้าใจและการตอบสนอง
2. ข้อมูลข่าวสาร (Message)
3. สื่อในช่องทางการสื่อสาร (Media)
4. ผู้รับข่าวสาร (Receivers)
5. ความเข้าใจและการตอบสนอง
สรุป การสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพนับเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้งานการให้ความรู้ผู้ปกครองประสบผลสำเร็จ
ผู้ที่เป็นครูจะต้องทำความเข้าใจเรื่องการสื่อสารให้กระจ่างชัดเจน
ประกอบกับการศึกษาธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครอง พฤติกรรมการเรียนรู้
เพื่อที่จะได้ทำการให้ความรู้ให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองได้ดีมีประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความศรัทธา เชื่อมั่นและมีความอบอุ่นว่าสถานศึกษาจะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นก็ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง
บ้านโรงเรียน ชุมชนและสังคมเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเด็กร่วมกัน
อาจารยฺ์พูดคุยกับนักศึกษาก่อนเรียน
เกมการสื่อสารโดยใช้ท่าทาง
เกมพลายกระซิบ
เกม ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร กับใคร
ข้อคิดดีๆหลังเรียนเสร็จ
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
-การสื่อสารกับผู้ปกครองมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราเป็นครูปฐมวัยต้องพบผู้ปกครองทุกวัน ก็ต้องมีการพูดคุยสื่อสารกับผู้ปกครองเป็นเรื่องธรรมดา เราจะต้องใช้ภาษาให้ถูกต้อง เหมาะสม
คำถามท้ายบท
1.จงอธิบายความหมายและความสำคัญของการสื่อสารมาโดยสังเขป
ตอบ การสื่อสาร (Communication) คือ กระบวน การส่งข่าวสาร ข้อมูล จาก ผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสารมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา โดยคาดหวังให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งต้องการ
การติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ความคิด ทัศนคติ ทักษะ และประสบการณ์ระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารให้มีความเข้าใจ ที่ตรงกันเพื่อนำไปสู่การดำรงชีวิตที่มีความสุข
ความสำคัญของการสื่อสาร
1.ทำให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
2.ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย
3.ทำให้สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น
4.ทำให้เกิดภาพแห่งความพึงพอใจ
5.ช่วยในการพัฒนาอัตมโนทัศน์ เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเองก่อให้เกิดความพอใจในชีวิต
2.การสื่อสารมีความสำคัญกับผู้ปกครองอย่างไร
ตอบ ช่วยให้ผู้ปกครองเกิดความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ เช่น ปัญหาของบุตรหลาน หรือจะเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมให้เด็กทำ
3.รูปแบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการให้ความรู้ผู้ปกครอง
ควรเป็นรูปแบบใด จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ รูปแบบการสื่อสารของเบอร์โล (Berlo’s
Model of Communication) ผู้ส่งสาร สาร ช่องทาง
ผู้รับสาร เช่นครูเปิ้ลมีจดหมายให้ประชุมผู้ปกครองนักเรียนชั้น อ.1 ครูจึงทำจดหมายแจกผู้ปกครองที่มารับนักเรียนหลังเลิกเรียน เมื่อถึงวันผู้ปกครงก็มาประชุมตามกำหนดการในจดหมาย
4.ธรรมชาติและการเรียนรู้ของผู้ปกครองควรมีลักษณะอย่างไร
ตอบ 1.เรียนรู้ได้ดีในเรื่องของการพัฒนาเด็ก
2.เรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความสมานฉันท์
3.มีความแปลกใหม่และมีประโยชน์ต่อเด็ก
4.เรียนรู้ได้ดีจากการฝึกปฏิบัติ
5.เรียนรู้ได้ดีในบรรยากาศที่เป็นวิชาการน้อยที่สุด
6.ควรได้รับความต่อเนื่องในการเรียนรู้ทีละขั้นตอน
7.เรียนรู้ได้ดีจากสื่อและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
5.ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนพฤติกรรมการเรียนรู้สำหรับผู้ปกครอง
เพื่อให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก
ประกอบด้วยปัจจัยด้านใดบ้าง
ตอบ 1.ความพร้อม
คือ สภาพความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจที่จะเรียนรู้
โดยเตรียมความพร้อมในเรื่องดังนี้ พื้นฐาน
ประสบการณ์เดิม สร้างความสนใจเห็นเห็นถึงความสำคัญของความรู้ ส่งเสริมความเชื่อมั่นในการเรียนรู้
ประสบการณ์เดิม สร้างความสนใจเห็นเห็นถึงความสำคัญของความรู้ ส่งเสริมความเชื่อมั่นในการเรียนรู้
2.ความต้องการ คือ
ความต้องการให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข เช่น ต้องการให้ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรง
มีการศึกษาที่ดี
3.อารมณ์และการปรับตัว คือ แนวโน้มที่จะปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มี 2
ประเภทคือ อารมณ์ทางบวก เช่น ดีใจ พอใจ
ฯลฯ อารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ เสียใจ หงุดหงิด
ซึ่งอารมณ์ทั้ง 2 นี้มีผลต่อการเรียนรู้
ดังนั้นควรปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุลพร้อมที่จะเรียนรู้
4. การจูงใจ หมายถึง
การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เช่น
ต้องการรู้เพื่อแก้ปัญหาลูกหลาน ต้องการรู้เพื่อพัฒนาลูก
ต้องการรู้เพื่อให้ลูกเป็นคนดี
5. การเสริมแรง คือ
การสร้างความพึงพอใจหลังการเรียนรู้ให้แก่ผู้ปกครอง เช่น คำชมเชย รางวัล ฯลฯ
6. ทัศนคติและความสนใจ คือ
การที่บุคคลมีการตอบสนองและแสดงความรู้สึกต่อสิ่งเร้าต่างๆ เช่น
- จัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ทำให้ผู้ปกครองพอใจและสนุกกับการเรียนรู้
- ช่วงเวลาในการจัดให้ความรู้
ควรมีเวลาที่สะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม
7. ความถนัด คือ
ความสามารถของบุคคลในการทำกิจกรรมให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การประเมินผล
ประเมินตนเอง
วันนี้ก็ตั้งใจฟังดี
มีการจดบันทึกข้อความสำคัญลงสมุดและบันทึกกิจกรรมรายละเอียดที่จะบันทึกในบล็อก
ประเมินเพื่อน
เพื่อนห้องเราค่อยข้างตลกเวลาที่ทำกิจกรรมแล้วรู้สึกสนุกสนาน เวลาที่เงียบก็จะเงียบมาก
ประเมินอาจารย์
อาจารย์เตรียมกิจรรมเกมการสื่อสารมาก่อนจะเรียน วันนี้ก็มีความสุขกับการเล่นเกมและเนื้อหาที่อาจารย์สอนค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น